•••••• [เจ้าคุณเบอร์ลิน] งานความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และประเทศชาติ จะต้องเหนือกว่าสิ่งอื่นใด (ล่าสุด) 10/05/2016 ••••••

กระทู้สนทนา
ผู้ใหญ่ท่านขอมา ให้ลดดีกรีโพสต์ : เจ้าคุณเบอร์ลิน เปิดเผยความในใจ : แต่งานความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และประเทศชาติ จะต้องเหนือกว่าสิ่งอื่นใด.
----------------------------------------------------------

โพสต์นี้ผมขออนุญาตนำเสนอ 2 ตอนใหญ่ ๆ นะครับ เพราะมึเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอนาคต และแนวทางในการโพสต์ของผมเองด้วย.
ตอนที่ 1 เรื่องจดหมายจากผู้ใหญ่ส่งถึงผม.
ตอนที่ 2 สาระสำคัญ.


--------------------------------------------------------

ตอนที่ 1.

เรื่องจดหมายจากผู้ใหญ่ส่งถึงผม.
- วันนี้ ผม เจ้าคุณเบอร์ลิน และทีมงาน ขออนุญาตนำความในใจมาเปิดเผยสักโพสต์นะครับ และตอนท้ายโพสต์ ขอบอกว่า "ยังเข้มข้นตามสไตล์เจ้าคุณเบอร์ลินเช่นเดิมครับผม " ดังนี้...
ประโยคที่ 1.
"เราทุกคนมีหน้าที่ป้องภัยพระศาสนา หากพระศาสนามีภัย เราจะนอนหลับเต็มตื่นได้อย่างไร"
ประโยคที่ 2.
"...อย่าเห็นแก่ได้ การณ์ใดๆ ให้ยกพระศาสนาเป็นเบื้องหน้า ถึงแม้ตัวเราเองจะได้ แต่หากวัดไม่ได้ พระศาสนา ไม่ได้ อย่าได้เอาโดยเด็ดขาด
...แม้ตัวเองไม่ได้ แต่วัดได้ พระศาสนาได้ ให้เอา
...ตัวเองได้ วัดได้ พระศาสนาได้ ให้เอา...".
- ข้อความสำคัญสุดใน 2 ประโยค ที่ผมขอยกมาประกาศแจ้งให้ทราบในเบื้องต้นของโพสต์นี้นั้น.
- เป็นคำสอน คำพูด ของ หลวงพ่อ เจ้าประคุณสมเด็จ เกี่ยว แห่ง วัดสระเกศ ภูเขาทอง อดีตประธานคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช.
- ที่ท่านได้ทั้งสอน และทั้งสั่ง อย่างแน่วแน่ มุ่งมั่นให้ศิษย์สำนักภูเขาทองทุกคน สำนึกในใจว่า..
"หากกตัญญูต่อครูบาจารย์ ไม่ชื่อว่า เป็นศิษย์เนรคุณ ก็จงให้ยึด และปฎิบัติเคร่งครัด ให้สุดความสามารถ แม้จะเอาชีวิตเป็นเดิมพันก็ตาม".
- ที่ผมยกมาอ้างนี้ ก็เพื่อที่จะประกาศให้ท่านทั้งหลาย ผู้ติดตามอ่านโพสต์ จากเพจ เจ้าคุณเบอร์ลินได้โปรดทราบทั่วกันว่า ..
"ข้อความสำคัญยิ่งใน 2 ประโยคข้างต้นนั้น"
"เป็น อุดมการณ์ อันสูงสุด และเจตนารมณ์อันแน่วแน่ ของ เจ้าคุณเบอร์ลิน ที่จะขอยึดถืออย่างมั่นคงตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับผม".
- นี่คือ ตัวตนแท้ ๆ ของผมครับ ซึ่งคิดว่า ต่อให้ฟ้าถล่มดินทะลาย ก็ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ของผมนี้ได้.

---------------------------------------------------------

เรื่องที่จะแจ้งมาเพื่อทราบ
คือ ผมจะขอแจ้งให้แฟนเพจทราบว่า...
- เมื่อต้นเดือน เมษายน 2559 ที่ผ่านมานี้ ผมได้รับจดหมายสำคัญจากเมืองไทยหนึ่งฉบับครับ.
- แจ้งมาถึงว่า..
"ให้ระมัดระวังการเสนอความคิดเห็น ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพระศาสนา และประเทศชาติ".
(ตามรายละเอียดสำเนาจดหมาย ที่ผมได้แนบมาด้วยแล้วนี้).
- ตรงนี้ ผมขอแจ้งให้แฟนเพจได้ทราบว่า นี่เป็นการดำเนินการตามพิธีทางการทูตนั่นคือ..
- คณะสงฆ์ จะต้องยึดหลักการ และ ยึดสถาบัน คือพระพุทธศาสนา และประเทศชาติโดยรวม เอาไว้ก่อนเป็นเบื้องต้น เรื่องส่วนตัว เอาไว้ทีหลัง.

--------------------------------------------------

- ซึ่งผมก็ต้องถือว่า นับเป็นความเมตตา และเป็นเกียรติต่อตัว ผม คือ เจ้าคุณเบอร์ลิน และทีมงานอย่างสูงยิ่ง.
- ที่ผู้ใหญ่ได้เตือนสติ และให้ความสำคัญต่อการนำเสนอบทความแก่สังคมที่ผ่านมา นับได้ก็น่าจะราว 5-6 เดือนมาแล้ว.
- จะขอบอกว่า ผมเอง และทีมงาน ก็พร้อมที่จะน้อมนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ต่อไป.
- ว่าก็ว่าเถอะครับ โดยที่ผมเองไม่เคยคิดว่า โพสต์ของผมจะสลักสำคัญอะไรมากมาย ต่อพระศาสนาและประเทศชาตินัก จนถึงกับต้องมีผู้ใหญ่ส่งหนังสือมาให้สติ.

----------------------------------------------------

ตัวตนเจ้าคุณเบอร์ลิน : ผมมีความเป็นอิสระทางความคิดตั้งแต่เด็ก.
- เรื่องการแสดงความคิดเห็นที่ผมได้นำมาเสนอทางเพจ ที่ผ่านมานั้น.
- ตัวผมเองนั้น มองยังไง ผมก็ยังไม่เห็นจุดไหน ที่จะเป็นผลกระทบต่อพระศาสนา และประเทศชาติได้ เลยครับ.
- หากจะมีจนถึงขั้น"ผวา" ผมคิดว่าก็จะมึแต่พวกมีพวกเปรตเหลือบพระศาสนาเท่านั้นแหละครับ.
- ส่วนฝ่ายดีนั้น นอกจากจะไม่เกิดผลกระทบใดๆ แล้ว ซ้ำยังจะเป็นผลดีต่อคณะสงฆ์โดยรวมเสียอีก.
- ดังนั้น ตัวผมจึงยังมองไม่เห็นมุมไหนเลยครับ ที่จะเป็นผลกระทบด้านลบต่อส่วนใด ๆ ของสังคม.

-----------------------------------------------------

มันกระทบตรงนี้ต่างหาก
- แต่ถ้า บอกว่า มีผลกระทบระหว่าง สงฆ์ธรรมยุติ กับ สงฆ์มหานิกาย ละก็.
- อันนี้ ผมคงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ หรอกครับ.
- แต่ข้อเท็จจริง เรื่องเหล่านี้ ถึงอย่างไรก็ต้องมีอยู่แล้ว แม้ผมไม่นำมาพูดก็ตาม .
- แต่เห็นว่า ทั้งหลายทั้งปวง ที่นำเสนอมาตลอดนั้น.
- ขอยืนยันได้ว่า ..
"ล้วนเป็นผลดีต่อคณะสงฆ์โดยรวมทั้งสิ้น และเป็นผลดีมากกว่าผลเสียต่อสังคมอีกด้วย".
- ส่วนตัวผม และทีมงาน จึงได้ยึดเอา ในส่วนที่เป็นผลดีเท่านั้นครับ.

---------------------------------------------------------

- อันที่จริง ผมเอง ก็ยึด และถือตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนอยู่แล้ว ในเรื่องที่ว่า..
"อสาเร สารมติโน สาเร จ อสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจฺฉนฺติ ฯลฯ"
นั้นคือ...
"ผู้ใด
เห็นสิ่งอันไม่เป็นสาระว่า เป็นสาระ
และเห็นสิ่งอันเป็นสาระว่า ไม่เป็นสาระ
เขาผู้นั้น
มีความเห็นผิดประจำใจ
ย่อมไม่อาจพบสาระได้
ส่วนผู้ใด
เห็นสิ่งอันเป็นสาระว่า เป็นสาระ
สิ่งอันไม่เป็นสาระว่า ไม่เป็นสาระ
เขาผู้นั้น
มีความเห็นถูกประจำใจ
ย่อมสามารถพบสิ่งอันเป็นสาระได้".

-------------------------------------------------

สมเด็จเกี่ยว แห่ง วัดสระเกศ อาจารย์ผม ท่านได้สอนไว้ว่า..
"ถ้าเรื่องงานไม่มี คำว่า "เกรงใจ"".
- ท่านว่า.. เพราะถ้ายังมัวแต่จะเกรงใจกันอยู่.
- ไม่รู้จักว่า กล่าวกัน หาหลักยึดอะไรไม่ได้เสียแล้ว.
- ผมว่า พระศาสนา และคณะสงฆ์ ก็คงมีแต่จะถูกคนชั่ว ร่วมกันกระทำย่ำยีอย่างเช่นทุกวันนี้ ไม่มีที่สิ้นสุดแล้วละครับ.

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่